1. ป้องกันน้ำและเชื่อมยึดหินส่วนผิวของพื้นทาง
2. เพิ่มความแข็งแรงให้พื้นทาง
3. เชื่อมยึดระหว่างพื้นทางและชั้นผิวทาง
4. ป้องกันผิวของพื้นทางไม่ให้หลุดล่อนแนวคิด เพราะการทำ Prime Coat มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) ปกป้องชั้นพื้นทางจากสภาพอากาศที่เปียกชื้น
2) ปรับปรุงคุณภาพที่ผิวหน้าของชั้นพื้นทาง
3) ช่วยเพิ่มการยึดเกาะระหว่างชั้นพื้นทางและผิวทาง
จะเห็นได้ว่า Prime coat ไม่ได้มีหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงให้พื้นทางแต่อย่างใด-----------------------------------------------------------------------
ข้อ32 ถ้าต้องการ
1.) กันน้ำที่จะซึมผ่านผิวทางลงไป
2.) ช่วยให้การเกาะกันของเม็ดหินและผิวทางดีขึ้น
3.) ช่วยให้ผิวทางแน่นเรียบและแข็งแรงขึ้น
4.) เพิ่มความหนาของผิวทางและเพิ่มความแข็งแรงให้ถนน
ควรจะทำในข้อใด
1.) กันน้ำที่จะซึมผ่านผิวทางลงไป
2.) ช่วยให้การเกาะกันของเม็ดหินและผิวทางดีขึ้น
3.) ช่วยให้ผิวทางแน่นเรียบและแข็งแรงขึ้น
4.) เพิ่มความหนาของผิวทางและเพิ่มความแข็งแรงให้ถนน
ควรจะทำในข้อใด
1. Prime Coat
2. Tack Coat
3. Seal Coat
4. Fog Seal
แนวคิด ซีลโคท (Seal Coat) หมายถึง การราดยางแอสฟัลต์ชนิดเหลว (Liquid Asphalt) หรือยางแอสฟัลต์ซีเมนต์ (Asphalt Cement) บนผิวทางราดยางเก่าในงานบำรุงผิวทาง ตามชนิด เกรด อุณหภูมิ ปริมาณ เครื่องจักร เครื่องมือที่กำหนดให้เพื่อปิดรอยแตกร้าวซึ่งเป็นช่องว่าง ป้องกันการซึมผ่านของน้ำผิวทางลงไปยังชั้นล่างของถนนอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ถนนเสียหาย แล้วสาดทับด้วยวัสดุชนิดเม็ดบดอัดแน่นด้วยรถบดล้อยาง แล้วตามด้วยรถบดล้อเหล็ก-----------------------------------------------------------------------
ข้อ33 โดยปกติผิวทางชนิดใดมีราคาถูกที่สุด
1. Rigid Pavement
2. Double Surface Treatment
3. Asphalt Concrete
4. Cape Seal
แนวคิด ผิวทางแบบ Cape Seal หมายถึง การก่อสร้างผิวทางสองชั้น ประกอบด้วยผิวทางชั้นแรกเป็นผิวทางแบบเซอร์เฟสทรีตเมนต์ชั้นเดียว (SINGLE SURFACE TREATMENT) แล้วปูทับด้วยสเลอรีซีล (SLURRY SEAL) ลงบนผิวทาง หรือผิวไหล่ทางดังกล่าวอีกหนึ่งหรือสองชั้น ผิวทางชนิดนี้ใช้ทำเป็นผิวไหล่ทางได้ด้วย -----------------------------------------------------------------------
ข้อ34 เครื่องจักรกล ชนิดใดที่เหมาะสมที่สุด ในงานขุดตักและขนย้ายดินซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าเครื่องจักร
1. Backhoe
2. Power Shovel
3. Dragline
4. Clamshell
แนวคิด บุ้งกี๋ขุดตัดแบบหอยกาบ หรือแคลมเชลล์ (Clamshell) ลักษณะบุ้งกี๋ประกอบด้วยกาบ 2 ข้างยึดที่ปลายข้างหนึ่งเป็นจุดหมุนมีน้ำหนักถ่วงให้เปิดอ้าออกเมื่อไม่มีแรงดึงในสายปิด เหมาะสำหรับงานขุดดินในแนวดิ่ง หรือขนถ่ายวัสดุไปยังถังพักหรือสายพานลำเลียง การเลือกใช้แคลมเชลล์ก็เช่นเดียวกับแดรกไลน์คือ พิจารณาน้ำหนักของบุ้งกี๋รวมกับน้ำหนักดินที่ขุดได้ไม่ควรเกิน 75 % ของ Boom Capacity โดยวิศวกรต้องขอรายละเอียดจากบริษัทผู้ผลิตเพื่อประกอบการพิจารณา-----------------------------------------------------------------------
ข้อ35 ค่าระดับของหมุดระดับ (BM) ในการตรวจสอบแบบวงรอบปิด อนุญาตให้ผิดพลาดได้ไม่เกินเท่าไร
1. 6*k^(1/2)
2. 8*k^(1/2)
3. 12*k^(1/2)
4. 16*k^(1/2)
แนวคิด คำตอบ 2 เกณฑ์ชั้นงานระดับตามมาตรฐาน FGCC (1984)
-----------------------------------------------------------------------
ข้อ36 วัสดุประเภทหินลอย (Boulder) ที่ถือว่าเป็นหินแข็ง (Hard Rock) จะต้องมีขนาดไม่น้อยกว่าเท่าใด
1. 0.25 ลบ.ม.
2. 0.50 ลบ.ม.
3. 0.75 ลบ.ม.
4. 1.00 ลบ.ม.
แนวคิด หินแข็ง (Hard Rock) หมายถึง วัสดุที่ถูกขุดตัดเป็นหินแข็งซึ่งต้องใช้วิธีการเจาะระเบิด (Drilling & Blasting) หรือ วัสดุเป็นประเภทก้อนหินใหญ่ (Boulder) ซึ่งมีขนาดก้อนละตั้งแต่ 0.75 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป
-----------------------------------------------------------------------
ข้อ37 การบดอัดชั้นโครงสร้างทางโดยทั่วไป จะตรวจสอบความหนาแน่นของงานในสนามโดยวิธีใด
ข้อ38 เครื่องจักรในข้อใดที่เหมาะสำหรับใช้ในการบดอัดดินที่มีลักษณะเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย
ข้อ37 การบดอัดชั้นโครงสร้างทางโดยทั่วไป จะตรวจสอบความหนาแน่นของงานในสนามโดยวิธีใด
1. Pychometer
2. Volumemeter
3. Balloon
4. Sand Cone
แนวคิด การหาน้ำหนักของดินในบริเวณที่บดอัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว หารด้วยปริมาตรของหลุมที่ขุดดินออกมา และการที่จะหาปริมาตรของหลุมที่กล่าวนี้ จำเป็นจะต้องวัดหรือใช้วัสดุที่รู้ความหนาแน่น (Density) และความถ่วงจำเพาะแน่นอนแล้วไปแทนที่ในหลุมที่ขุดดินขึ้นมา ซึ่งการทดสอบดังกล่าวอาจกระทำได้โดยวิธีใช้ทรายมาตรฐาน (Sand Cone Method)
-----------------------------------------------------------------------ข้อ38 เครื่องจักรในข้อใดที่เหมาะสำหรับใช้ในการบดอัดดินที่มีลักษณะเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย
1. Smooth Wheeled Roller
2. Tamping Roller
3. Vibratory Roller
4. Vibratory Plate
แนวคิด ทำการบดอัดแต่ละชั้นโดยใช้ Sheepfoot Roller หรือ Tamping Roller เพื่อให้เกิด Shear key ระหว่าง ดินแต่ละชั้น จะมีผลทำให้สามารถ รับแรงดัน ทางด้านข้าง กรณีเป็น คันดิน ที่ใช้สำหรับป้องกันน้ำท่วม หรือ รับแรงผลักตามยาว ได้มากขึ้นกรณีเป็นถนน จำนวนเที่ยวของ การบดอัดว่า รถควรจะวิ่งกี่เที่ยว จึงจะได้ ความแน่นตามต้องการนั้น จะได้ จากการทดลองทำ Test section ก่อนเริ่มลงมือทำงานว่า จะต้องวิ่งกี่เที่ยว จะต้องเพิ่มน้ำตอน เช้า - สาย - บ่าย - เย็น เท่าใดจึงจะ บดอัดดิน เพื่อให้ได้ ความแน่นตามต้องการ-----------------------------------------------------------------------